4adk.com
หนึ่งปัจจัยสำคัญก็คือ Apple ใช้กระบวนการ Design Thinking สร้างสรรค์สินค้าที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงความต้องการ นั่นเอง..
รักษาลูกค้า Design Thinking เป็นกระบวนการที่มีผู้ใช้หรือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง จึงช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและการรักษาลูกค้าได้ในระยะยาว 4. รักษาพนักงาน นอกจากรักษาลูกค้าแล้ว กระบวนการออกแบบหรือการตั้งสมมติฐานต่างๆ เป็นการกระตุ้นให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือพนักงานภายในองค์กรได้แสดงความเห็นกันอย่างสร้างสรรค์ คิดนอกกรอบ โดยไม่มีการตัดสินว่าคววามคิดใดถูกหรือผิด เป็นการส่งเสริมให้ทุกคนมีส่วนร่วมและคิดนวัตกรรมใหม่ๆนอกเหนือจากทีมออกแบบ 5. สามารถประยุกต์ใช้ได้ในทุกสายอาชีพ อย่างที่กล่าวไปว่าไม่ใช่กระบวนการคิดสำหรับนักออกแบบเท่านั้น คุณสามารถ ใช้ประโยชน์จากการคิดเป็นกลุ่ม และนำไปส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างทีมได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถใช้ได้กับทุกทีมในทุกอุตสาหกรรมอีกด้วย วิธีเริ่มต้น การคิดเชิงออกแบบ 4 วิธีง่ายๆหากคุณอยากเริ่มต้นทำ Design Thinking หรือ การคิดเชิงออกแบบ มีดังนี้ 1. รวบรวมข้อมูลเชิงลึกโดยฝึกการเอาใจใส่ การสังเกต และการสัมภาษณ์ การทำความรู้จักลูกค้าของคุณ เป็นขั้นตอนแรกในการสร้างสินค้าและบริการที่พวกเขาต้องการและมีความจำเป็นกับพวกเขาจริงๆ อย่าพยายามคิดว่า คุณรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาคิดหรือรู้สึกอย่างไร (อย่าคิดไปเอง) การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภค เป็นส่วนสำคัญของการคิดเชิงออกแบบ 2.
แปล ไทย-อังกฤษ, อังกฤษ-ไทย, ไทย-ไทย ออนไลน์ พจนานุกรม อังกฤษ-ไทย, ไทย-ไทย: Design (ดิไซนฺ') v. ออกแบบ, วางแผน, มุ่งหมาย, คิด, กำหนด, ประสงค์., S. design ed adj.
คำอธิบายหลักสูตร Kickstarting Design Thinking: เราจะเริ่มต้นประยุกต์ใช้ Design Thinking ในงานจริงได้อย่างไร?
Empathize เอาใจใส่ เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับการออกแบบความคิด เป็นกระบวนการที่ใช้ทำความรู้จักกับผู้ใช้หรือลูกค้า โดยการทำความเข้าใจกับความต้องการ และวัตถุประสงค์ไปถึงระดับจิตใจและอารมณ์ของพวกเขา จากวิธีการสังเกตและการมีส่วนร่วม ให้ พยายามตั้งสมมติฐานและรวบรวมข้อมูลเชิงลึกที่แท้จริง เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเอาใจใส่พวกเขาจากในกระบวนการนี้ กำหนด กระบวนการนี้จะมุ่งเน้นเรื่องการกำหนดปัญหา โดยการรวบรวมข้อมูลที่ได้ทั้งหมดจากกระบวนการเอาใจใส่ข้างต้น และเริ่มทำความเข้าใจกับสิ่งเหล่านั้น เช่น พวกเขากำลังเผชิญกับปัญหาหรืออุปสรรคอะไรบ้าง? ในรูปแบบใด? ทีมคุณหรือองค์กรของคุณต้องแก้ไขอะไรบ้าง?
กำหนดหัวข้อปัญหา (Problem statement) จะต้องชัดเจน เข้าใจได้ง่ายและเป็นรูปธรรม ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 3 อย่าง อะไรที่กำลังเป็นเป็นปัญหา (What) ลักษณะของปัญหาเป็นเช่นไรขนาดไหน (How) และพบปัญหานั้นที่ไหนช่วงเวลาใด (Where) 2. การเลือกปัจจัย (Factor) และการกำหนดระดับของปัจจัย (Treatment) จำเป็นที่จะต้องเลือกปัจจัยที่มีผลต่อกระบวนการอย่างแท้จริง ซึ่งสามารถเลือกจากกรรมวิธีคัดกรองโดยเครื่องมือทางสถิติ จำพวก Univariate เช่น T-Test เป็นต้น ผู้ที่มีความรู้หรือเชี่ยวชาญในกระบวนการนั้นๆ ก็เป็นผู้ที่สามารถให้คำแนะนำที่ดีในการเลือกปัจจัย และการกำหนดระดับของปัจจัยด้วย 3. การเลือกตัวแปรตอบสนอง (Response) จะต้องเน้นตัวแปรที่สามารถวัดได้ ทั้งที่วัดด้วยเครื่องมือวัดและวัดด้วยกระบวนการวัดอื่นๆ เช่น การนับ และจะต้องเป็นตัวแปรที่สื่อถึงกระบวนการที่เราต้องการศึกษานั้นได้ดีด้วย 4. เลือกแบบทดลอง (Experiment design) เช่น การกำหนดจำนวนสิ่งตัวอย่าง วิธีการเลือกสิ่งตัวอย่าง วางแผนการทำการทดลอง วิธีการบันทึกผลการทดลอง และการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เป็นต้น 5. ดำเนินการทดลอง (Perform the Experiment) ให้เป็นไปตามแผนการ ทั้งวิธีการดำเนินการ ความถูกต้องในการวัด การควบคุมตัวแปรในการทดลอง และเก็บผลการทดลอง 6.